30.1.53

วัดถ้ำพระโบราณ(ถ้ำเหง้า) แม่สะเรียง แม่ฮ่องสอน


ประวัติความเป็นมา
ถ้ำพระโบราณ หรือ ถ้ำเหง้า เป็นถ้ำเก่าแก่ ซึ่งปรากฎหลักฐานได้แก่ พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ พระไม้โพธิ์แกะลงรักปิดทอง ตู้พระธรรม ซึ่งได้ถูกลักขโมยไปหมด
จากหลักฐานฐานชุกชีแท่นพระประธานแบบก่ออิฐโบกด้วยดินเหนียว และมีแท่นพระเป็นไม้สัก
และมีจารึกมีใจความว่า วัดสร้าง ราวจุลศักราช 1259 (พ.ศ2440)กว่าร้อยปีแล้ว
สมัยนั้น มี หลวงพ่อใจเป็นประธานในการสร้างแท่นพระเพื่ออุทิศในพระพุทธศาสนา
โดยหลวงพ่อใจธุดงค์มาจากเชียงตุง พร้อมด้วยท่านเสนเป็นชาวไทลื้อ ได้นำพระบรมธาตุมาด้วย
เมื่อมาถึงแม่สะเรียงก็มาพักอยู่วัดมะแกง(วัดศรีบุญเรือง)นานเท่าไดมิได้รู้แล้วพากันธุดงค์ถึงวัดท่าข้ามใต้ได้ไปจำพรรษาอยู่วัดถ้ำพระโบราณหรือถ้ำเหง้านี้ ครั้นอยู่นาน การบิณฑบาตรก็ลำบาก
จึงคิดกลับวัดมะแกงก่อน ก่อนกลับได้นำเอาพระธาตุนี้ไว้ในถ้ำ โดยท่านเสนได้กลับไปจำพรรษาวัดมะแกงส่วนท่านใจไปจำพรรษาอยู่วัดป่าหนาด(วัดชัยลาภ)ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสและสร้างวัดให้เจริญและคิดที่จะสร้างพระวิหาร เมื่อสร้างเสร็จจะได้นำเอาพระธาตุ มาบรรจุเมื่อสร้างเสร็จจึง ได้ชวนศรัทธาญาติโยมหาไม้เสาวิหารมาจนครบแล้ว จึงนึกถึงญาติท่านที่บ้านกาด แม่วาง จึงคิดจะไปบอกบุญหาปัจจัยมาเพื่อสร้างพระวิหาร แต่ท่านก็มรณภาพเสียก่อน พอถึงปี พ.ศ.2481 ระหว่างเดือนยี่ กับเดือน 3 เหนือ เป็นระยะที่ชาวบ้านทำสวนครัวปลูกผักและมีคนจีนชื่อเจ็กโหย่ง รับซื้อผัก วันหนึ่ง แม่เฒ่าเด้ นางเสา และนางสา พากันไปเอาขี้ค้างคาวที่ถ้ำเหง้าแห่งนี้ จนขุดพบหม้อโบราณลึกประมาณ 1 ศอก มีฝาปิดมิดชิด และได้เปิดฝาหม้อก็พบกับพระพุทธรูป 3 องค์ เป็นพระพุทธรูปทองคำ เงิน และสัมฤทธิ์ ช้อนเงิน ช้อนทอง อีก 1 คู่ และโกฎิเล็ก ๆ อีกหนึ่ง บรรจุพระธาตุองค์เท่าเมล็ดพุทรา แต่ทั้ง 3 คนยังไม่รู้จักพระธาตุ คิดว่าเป็นหินหรืออัญมณีมีค่า จึงเอาไปเก็บไว้ท่านบ้านของแม่เฒ่าเด้ นอกจากนั้นยังมีอีกชิ้นหนึ่งลักษณะเป็นแก้วใสคล้ายเพชร ซึ่งทำตกกับพื้นและหาไม่เจอ ฝ่ายแม่เฒ่าที่ได้เอาพระธาตุไปไว้ในบ้าน ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดคือ ตกกลางคืนประมาณ3-4 ทุ่ม
ปรากฎมีแสงสว่างรุ่งโรจน์โชติช่วงทั้งบ้านเขาจึงรู้ว่าเป็นเพราะพระธาตุแสดงปาฏิหาริย์ รุ่งเช้าเจ้าอาวาสวัดท่าข้ามใต้คือท่านปัญญาวุฒิโฑ ได้ขออาราธนาพระพุทธรูปและพระธาตุไปประดิษฐานที่วัดท่าข้ามใต้ และ ทำการสมโภช พระธาตุ ต่อมาชาวแม่สะเรียงเมื่อทราบดังนั้นก็หลั่งไหล กันมาทำบุญ สักการะบูชากันไม่ขาดสาย และมีงานสรงน้ำพระธาตุประจำปีและทำบุญบริเวณถ้ำเหง้า และมีการจุดบ้องไฟถวายเป็นพุทธบูชาด้วย ประมาณปี 2522 เมื่อท่านอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ทำการบูรณะโดยให้คนงานมาแต่งถ้ำ มีแท่นนั่งกรรมฐานและซ่อมแซมพระประธานบางส่วน นำพระพุทธรูปปูนปั้นมาทดแทนพระไม้เก่าแก่ที่ถูกโขมยไป และไม่ได้บูรณะต่อจึงรกร้างต่อไป ต่อมาท่านอาจารย์สวัสดิ์ นริสโร เจ้าอาวาสวัดจอมมอญ ได้ทำการบูรณะปฏิสังขรโดยทำการซ่อมแซมฐานชุกชี เทปูน ก่อแท่นั่งกรรมฐาน สร้างแท้งน้ำ สร้างส้วมในปี 2539 และได้ปล่อยให้ร้างมีเมื่อต้นปี 2541 ท่านอาจารย์จรัญ อภิชาโต พระภิกษุสายพระป่ากรรมฐานซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สิมพุทธจาโร วัดถ้ำผาปล่อง ได้เดินทางเข้ามาแม่สะเรียงเป็นว่าถ้ำแห่งนี้มีความวิเวก เหมาะแก่การอาศัยเจริญภาวนาจึงตัดสินใจอยู่จำพรรษาที่ถ้ำนี้จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่พระอาจารย์จรัญ อภิชาโต มาพำนักอยู่ถ้ำแห่งนี้ ได้มีญาติโยมได้หลั่งไหลกันมาทำบุญ ท่านได้พัฒนาปรับปรุงหลายอย่างด้วยกัน คือ การปรับพื้น ขยายพื้นที่ภายในถ้ำ จัดหา
พระพุทธรูปให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา ต่อนำประปาภูเขามาใช้ ปรับปรุงเสนาสนะให้น่าอยู่ น่าอาศัย สะอาด เรียบร้อยสร้างถนนนขึ้นไปยังถ้ำ ท่านยังมีโครงการต่าง ๆ ที่จะปรับปรุงอีกหลายอย่าง สร้างห้องน้ำสำหรับญาติโยม ปูพื้นถ้ำด้วยหินอ่อน สร้างพระวิหาร ขณะนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากป่าไม้ และเป็นวัดธรรมยุตอย่างถูกต้องแห่งแรกของอำเภอแม่สะเรียงโดยมีท่านอาจารย์จรัญ อภิชาโต ในตำแหน่งเจ้าอาวาส

เชิญร่วมทำบุญมหากุศล สร้างศาลาพระวิหาร วัดถ้ำพระโบราณ(วัดถ้ำเหง้า)
สามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน)สาขาแม่สะเรียง
ชื่อบัญชี : พระจรัญ อ้ายถา (อภิชาโต)เลขที่บัญชี : 509-1-62349-3
โทรศัพท์วัดถ้ำพระโบราณ084 -4873075

ธรรมโอวาท พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร )( พ.ศ. ๒๔๕๒ – ๒๕๓๔
สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
"...เมื่อมีความเพียรอะไรมันจะเหลือ (วิสัย) ความเพียร ดูพระพุทธเจ้าที่ท่านได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ท่านมีความเพียร สี่อสงไขย แสนมหากัป ท่านยังมีความเพียร ความหมั่น ขยัน เอาจนสำเร็จลุล่วงไปได้นั่นแหละคือความเพียร ความเพียรไม่ใช่คำพูดอย่างเดียว เป็นการเพียรทางกาย เพียรทางวาจา เพียรทางจิต เพียรหมดทุกอย่าง เรียกว่า วิริเยน ทุกฺข มจฺเจติ บุคคลจะล่วงทุกข์ไปได้เพราะความเพียร..."
ความขยันไม่ให้เกียจคร้าน ไม่ว่าจะเป็นการท่องบ่นสาธยายพระธรรมคำสั่งสอน ก็ไม่ให้เกียจคร้าน ให้หมั่น ความเพียรนั้นคือว่าหมั่น ขยัน กราบพระ ไหว้พระ สวดมนต์ ก็อย่าเพียงหมายแต่ว่ามารวมในหมู่ในคณะกราบพระไหว้พระ เราอยู่คนเดียวก็กราบได้ไหว้ได้ นั่งสมาธิภาวนาได้ สวดมนต์ภาวนาได้ เดินจงกรมได..."้

"...ความเพียรนี่แหละท่านว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญ วิริเยน ทุกฺข มจฺเจติ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ผู้มีความพากเพียรพยายามแล้ว กิจกรรมการงานใด ๆ ไม่เหลือวิสัย ผู้มีความเพียรพ้นทุกข์ได้ แต่ผู้มาภาวนาตั้งใจปฏิบัติไม่มีความเพียร แต่อยากให้จิตใจของตนพ้นจากความทุกข์ความเร่าร้อนต่าง ๆ นานา ทำอย่างไรใจข้าพเจ้าจะสงบระงับ มีอุบายอะไร ก็อุบายไม่ขี้เกียจนั่นแหละ..."

"...อุบายมันอยู่ที่ไหน อุบายมันอยู่ที่ความเพียร ทำอย่างไรข้าพเจ้าจะสู้กับกิเลสราคะ โทสะ โมหะ ในใจได้ ไปสู้ที่ไหน ก็สู้ด้วยความเพียร สู้ด้วยความตั้งใจมั่น เราตั้งใจลงไปแล้วให้มันมั่นคง ไม่มั่นคงอย่าไปถอย เมื่อจิตใจไม่ถอย จิตเพียรพยายามอยู่ หาวิธีการที่จะเอาชนะกิเลสในใจของตนให้ได้ เดี๋ยวนี้กิเลสในใจมันย่ำยีเหยียบกาย วาจาจิตของเราอยู่ ไม่ยอมให้เราลุกขึ้นปฏิบัติภาวนาได้เต็มที่ทำได้นิด ๆ หน่อย ๆ แต่ความอยากได้มาก อันนี้ไม่ถูก..."